เป็นที่ทราบกันดีว่าคนไทยโดยทั่วไปจะประสบปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเยอะกันพอสมควร ปัจจุบันหันมองไปทางไหนก็เจอคนอ้วน เรียกได้ว่า เดินมาสิบคนจะต้องมีคนอ้วนอย่างน้อยสองถึงสี่คนกันเลยทีเดียว....
ไม่เว้นแม้แต่ผมก็เป็น ผมคงต้องเรื่องราวของตัวเองให้ฟังสักหน่อยครับ เผื่อว่าคนที่กำลังหาลดความอ้วนจะได้ฉุกคิดหรือนำแนวทางนี้ไปใช้ อาจเกิดประโยชน์ต่อตนเองอยู่บ้าง ผมเองก็น้ำหนักใช่น้อย ตอนขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 87 kg ค่อนข้างหนักพอสมควร ซึ่งไม่สัมพันธ์กับส่วนสูงของผม ผมเป็นคนตัวไม่สูง สูงแค่ 165 ซม. เองครับ เมื่อมาเทียบสัดส่วนกับน้ำหนักแล้วช่างไม่สัมพันธ์กันเสียเลย ผมควรหนักแค่ 65-70 kg เท่านั้นเอง เอาเป็นว่ารูปร่างของผมไม่สมส่วนอยู่แล้ว เป็นคนตัวเตี้ยแต่ใหล่กว้างมาก คือคนตัวแบนนั่นแหละครับ ท่านลองนึกภาพเอา ขณะที่ผมอ้วนมากๆ ผมเหมือนคางคงที่ถูกรถทับนั่นแหละครับ นั่นแหละเป็นรูปร่างของผม....
ตอนเด็กถึงวัยรุ่นผมเป็นคนตรากตรำสู้ชีวิตทำงานหนักมาตลอดก็ไม่ค่อยมีปัญหาน้ำหนักตัวเท่าไหร่ ผมมีน้ำหนักตอนโตเป็นหนุ่มเต็มที่แล้ว 65-68 kg นี่แหละครับ เรียกว่าก็พอดูได้อยู่ครับ แต่พอพักหลังผมเริ่มสบายขึ้น อยู่ดีกินดีมากขึ้นเพราะมีอาชีพรับราชการไม่ค่อยได้ใช้แรงอะไรมากนัก เอาละครับที่นี้น้ำหนักของผมก็เริ่มเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ จนปัจจุบันสูงสุดไปอยู่ที่ 87 kg รู้สึกทำอะไรก็อึดอัดไปหมด เปลี่ยนกางเกงเบอร์ใหญ่ขึ้นก็ไม่ช่วยอะไรได้ เดี๋ยวก็เปลี่ยนอีก หนำซ้ำผมเริ่มมีปัญหากับข้อเท้าซะด้วย เคยข้อเท้าพลิกทีหนึ่ง หลังจากนั้นมาไม่นานอยู่มันก็ปวดขึ้นมาเฉยๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปเดินเท้าพลิกที่ไหนอีก...
ผมเองก็ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจไม่หาทางแก้ปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวของตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังมีน้ำหนักมากอยู่ดี บางครั้งจะเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ และสิ่งที่ตอกย้ำกับตัวเองอีกอย่างหนึ่งก็คือทางสำนักงานของผมเขาจัดสวัสดิการโดยให้แพทย์มาตรวจสุขภาพให้แก่เจ้าหน้าที่ หลังตรวจเสร็จก็มีผลยืนยันออกมาว่า ความดันของผมสูง น้ำหนักเกินมาตรฐาน หมอนัดให้ผมไปตรวจซ้ำอีกทีหนึ่งที่สถานีอนามัย แต่ผมก็ไม่ไป....
จากนั้นมาผมก็ลองค้นหาแนวทางความรู้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักต่างๆ ตามเวปไซต์ เป็นสาระบ้าง ทีเล่นทีจริงบ้าง สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์ของเขามากิน พอดูโทรทัศน์ก็โฆษณาแต่ยาลดความอ้วน ผมเองก็ไม่เชื่อเพราะอย่างน้อยก็ได้เห็นข่าวออกอยู่เนื่องๆ ว่าคนกินยาลดความอ้วนแล้วตาย ก็เลยเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าซื้อยากิน ครั้นจะดูสูตรต่างๆ ที่เผยแพร่ตามเวปต่างๆ 3 วัน 7 วัน 15 วันบ้าง ก็ล้วนแต่เป็นสูตรของอาหารฝรั่ง เช่น ขนมปังปิ้งเอย นมสด น้ำส้มคั้น โยเกิร์ทเอย อาหารฝรั่งทั้งนั้น ผมรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเข้ากับวิถีชีวิตของคนไทย คนไทยเรากินข้าวนี่ ทำไมไม่เห็นมีใครพูดถึงอาหารการกินแบบไทยๆ เราเลย....
ผมคิดว่ามันน่าจะมีวิธีการที่เหมาะสมกับคนไทยอยู่หรอกน่า ทำไมคนสมัยก่อนไม่เห็นเขาอ้วนกันขนาดนี้ ทำไมถึงมาเป็นในยุคของเรา...
หลังจากค้นหาความรู้จากแหล่งต่างๆ มาพอหนำใจ ได้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ กระบวนการกลไกของร่างกายต่างๆ แล้วก็เริ่มมาสำรวจพฤติกรรมของตนเอง เริ่มรู้สึกว่าตนเองมีข้อผิดพลาดอยู่หลายประการดังนี้...
- ผมไม่ทานอาหารเช้า เพราะผมคิดว่าทานข้าวไปอึดอัด ร้อน เหงื่อออกมาก ส่วนมากตื่นตอนเช้าชอบกินกาแฟแล้วก็ไปทำงานเลย ตอนเที่ยงจะหิวมาก และตอนเย็นประมาณสี่โมงก็หิวจัด กลับมากไปจะต้องคว้าอาหารเข้าปากทันทีไม่งั้นใจสั่นเพราะหิวมากครับ....
- ผมคิดว่าผมไม่ทานอาหารหวาน แต่พอสำรวจตัวเองแล้วพบว่า ผมชอบกินน้ำอัดลม ชอบกินกาแฟเย็น อีกทั้งขนมปังทั้งแซนวิช ครัวซอง เรียกว่ากินเกือบทุกวันเลย
- เรื่องอาหารมันเช่นของทอด ผัดนี่ก็กินบ่อย เพราะเวลาเร่งรีบชอบสั่งข้าวผัด บางวันก็ไปกินข้าวมันไก่ก็มี
- ผมกินอาหารเที่ยง อาหารเย็น บางวันกินตอนดึกก็มี แต่ละมื้อถ้ากับข้าวอร่อย ผมจะกิน 2-3 จาน เรียกว่ากินจนข้าวหมดหม้อก็มี
- นอนดึกเพราะชอบเล่นอินเตอร์เน็ต ตอนเช้าก็ตื่นสาย
- ไม่ค่อยกินผลไม้
- ไม่ออกกำลังกาย
พอรู้จุดบกพร่องของตนเองดังนี้ก็เลยเริ่มปรับวิธีอยู่ วิธีกินใหม่ครับ ผมทำอย่างนี้ครับ
- ตื่นตอนเช้าผมจะกินกล้วยน้ำว้าสองลูก ตามด้วยน้ำเปล่าทันทีก่อนไปทำกิจกรรมอย่างอื่น
- เริ่มทานอาหารเช้า กินข้าวประมาณสองทัพพี กับข้าวก็ทั่วไปตามแต่จะทันหุงหา ไม่ทันจริงๆ ก็กินไข่ต้ม แกงผัก อาหารพื้นบ้านทั่วไป (ผมคนจังหวัดแม่ฮ่องสอน) บางวันกินน้ำพริกด้วยครับ
- ตอนกลางวันก็กินอาหารทำเอง แกงผักตอนเช้า น้ำพริกจิ้มกับผักสดบ้าง คือเน้นกินง่ายๆ ไม่ต้องไปแสวงหาอาหารที่มันไกลตัวครับ แกงบ้านๆ เรานี่แหละ
- เย็นก็กินกับข้าวทำเอง มีเวลานิดหนึ่งก็กินเนื้อหมู เนื้อปลาบ้าง
- กับข้าวไม่ถึงกับว่าไม่ใช้น้ำมันเลย ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ถ้าเป็นกับข้าวประเภทแกงที่ต้องใช้น้ำมันผัดพริกแกงก็จะใส่น้ำมันบ้าง แต่ใช้น้อยลงครับ เพียงแต่ไม่กินของทอดเท่านั้นครับ ไม่กินอุ๊บน้ำมันเยอะๆ อ่องน้ำมันเยอะๆ
- ผักจิ้มน้ำพริกส่วนมากถ้าไม่กินสด ผมใช้วิธีนึ่งผักเอาครับ
- ในระหว่างวันไม่กินกาแฟ ไม่กินน้ำอัดลม หรือขนมปังขนมหวานใดๆ ทั้งสิ้นครับ
- ข้าวปกติกินมือละสองจานถึงสามจานครับ คราวนี้ปรับใหม่กินมื้อละหนึ่งจานและตักน้อยลงด้วยครับ แรกๆ ก็รู้สึกไม่อิ่มเลยแอบเติมสองจาน แต่จานที่สองตักแค่พอเป็นพิธีเท่านั้นครับ แค่ช้อนกินข้าวตักเท่านั้นครับ ถ้ารู้สึกยังไม่อิ่มก็กินกับกินผักจิ้มน้ำพริกเอาครับ นานๆ เข้าเริ่มชินจานเดียวก็อิ่มแล้ว
- ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่อยู่แล้วครับ
- เย็นก็ออกไปเดินเล่นออกกำลังกายบ้าง โชคดีแถวบ้านผมมีภูเขาเนินเตี้ยๆ ให้ได้เดินออกกำลังด้วยครับ ผมก็ใช้วิธีเดินขึ้นเนินเอา ใช้เวลาน้อยแต่ประสิทธิภาพสูงมาก
- มีแอบชั้งน้ำหนักด้วยครับ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูล แรกๆ น้ำหนักผม 87 kg โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2557 ถึงวันนี้วันที่ 27 พ.ย. 2557 น้ำหนักผมมาอยู่ที่ 79 kg รวมๆ แล้วหายไปกว่า 7 kg
เคล็ดลับในการลดน้ำหนักของผม
กินน้อยลง แต่กินให้ครบทั้งสามมือ
กินเผ็ด กินเปรี้ยว กินหวาน กินมันได้นิดๆ อย่ามาก เพราะถ้าเราไปตัดเขาทันที เขาจะไม่ยอมเดี๋ยวท่านจะมีปัญหากับน้ำตาลและไขมันระยะยาว
กินเผ็ด กินเปรี้ยว กินหวาน กินมันได้นิดๆ อย่ามาก เพราะถ้าเราไปตัดเขาทันที เขาจะไม่ยอมเดี๋ยวท่านจะมีปัญหากับน้ำตาลและไขมันระยะยาว
กินผลไม้สดเท่านั้น อย่ากินน้ำผลไม้ที่เขาปอกแล้วแช่เย็น หรือแปรรูปเป็นน้ำผลไม้
ปรับวิธีกิน ลดแป้ง น้ำตาล ไขมัน เน้นผักเยอะๆ
สร้างระบบเผาผลาญให้แข็งแรง โดยกินอาหารจำพวกโปรตีนมากขึ้น เช่นถั่วต้ม ไข่ต้ม ปลา หมู เนื้อ
กินอาหารบำรุงตับ เช่น เห็ดทั้งหลาย กะหล่ำ บร๊อกโครี่เขียว ขาว
กินอาหารบำรุงตับ เช่น เห็ดทั้งหลาย กะหล่ำ บร๊อกโครี่เขียว ขาว
ออกกำลังตามสมควร อย่าโหมหนัก แต่ขอให้ได้เหงื่อ
ตื่นเช้าๆ ให้กินน้ำทันที
อย่านอนดึก
อย่ากินชามาก เดี๋ยวจะนอนไม่หลับครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น